ตามหา...ปริศนา "บูบู"



Bu Bu Island, Krabi Thailand : เกาะบูบู จังหวัดกระบี่
จากแผ่นดินใหญ่ พาดผ่านผืนน้ำทะเล
สู่วงเวียนธรรมชาติบนเกาะเล็กๆ ในนาม "บูบู"



จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากการค้นหา "นกเงือก กระบี่" จาก Google Serch Engine ชื่อดังที่พวกเรารู้จักกันดี บทสรุปของการค้นหา เป็นที่มาของแรงบัลดาลใจ ที่ต้องดั้นด้นไปให้ถึงสำหรับการเดินทางครั้งนี้ของผม ว่ากันแล้วเรามาติดตามหา "นกเงือก" บน เกาะบูบู กับผมกันนะครับ ว่าผมจะเจอหรือเปล่า ! และ "บูบู" มันคืออะไรในปริศนา???

...ปลายเดือน มีนาคม 2554 จังหวัดกระบี่ประสบกับเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่มในบางพื้นที่ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ใช่ครับ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลมาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่เหตุผลหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ การกระทำของมนุษย์ ปุถุชนอย่างเราๆ นี่เอง
ด้วยเหตุผลอย่างไรก็ตาม ชีวิตยังคงต้องขับเคลื่อนต่อไป หากแต่เหตุการณ์และความทรงจำ ฝากคำตอบข้อคิดให้กับใครบางคนและบอกกับเราว่า เราคงต้องตระหนักและอนุรักษ์ให้เป็นรูปธรรมกันมากขึ้น...

...สำหรับผู้ประสบภัยที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ผมขอเป็นกำลังใจและขอไว้อาลัยให้กับทุกชีวิตที่จากไปด้วยครับ...


...เช้าตรู่ของวันหนึ่งในเดือนเมษายน 2554 กับการเดินทางของผมในสภาวะอากาศและธรรมชาติที่ยังคงไม่คงที่ดีนัก ฟ้าฝนแปรปรวน แต่ก็ทำอย่างไรได้เล่า การเดินทางของผมมาถึงแล้วนี่ ผมอุทานในใจพร้อมส่งแรงศรัทธา...มุ่งหน้าสู่ท่าเรือหัวหิน เพื่อเดินทางไปยังเกาะลันตากับจุดหมายปลายทางที่ไม่มีข้อมูลละเอียดมากนัก
เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือ ผมมองดูทะเลและท้องฟ้า อากาศวันนี้ดูครึ้มๆ ไม่ได้สดใสมากนัก แต่ทว่าก็ยังดีที่ไม่มีฝนตก แค่นี้ก็ทำให้ผมยิ้มได้แล้วครับ

ผมนั่งรอแพขนานยนต์อยู่ครู่หนึ่ง เพื่อที่จะข้ามไปอีกฟากฝั่ง สักพักก็มีจำหน้าที่ให้สัญญาณด้วยการโบกมือเป็นอันเข้าใจว่า ให้ผู้ที่รอแพอยู่นั้น ขึ้นแพขนานยนต์ได้ บ้างก็มากับรถมอเตอร์ไซด์ บ้างก็มากับรถประจำทาง บ้างก็เป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งต่างก็หลากหลายกันไป ทยอยกันขึ้นแพขนานยนต์จนเต็ม สำหรับรถยนต์นั้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกว่าให้จอดตรงไหน? อย่างไร? นี่คือกฏเกณฑ์แบบตายตัวสำหรับทุกท่านที่จะเดินทางไปเกาะลันตา


บนแพขนานยนต์ผมก็เจอกับนกนางแอ่นแปซิฟิคตัวหนึ่งกำลังอาบแดดยามเช้าอยู่ด้านหน้าของแพขนานยนต์ อืมม...เป็นการเริ่มที่ดี สำหรับการไปติดตามหานกเงือกของผม ผมอุทานในใจพร้อมรอยยิ้มกับนกตัวแรกในการเดินทางครั้งนี้ของผม :-)



ผมมาถึงอีกฟากแล้ว แต่ก็ยังครับ ยังไม่ถึงเกาะลันตา ผมยังคงต้องข้ามแพขนานยนต์ไปอีกฝั่ง นั่นหมายถึงว่า เราต้องนั่งแพขนานยนต์ ถึงสองครั้งจะไปถึงเกาะลันตาได้ครับ แหม...ใช้เวลาอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ผมอุทานในใจ
ผมมาถึงเกาะลันตาแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ปลายทางการเดินทางของผม ผมยังคงต้องเดินทางต่อไป เพื่อไปยังท่าเทียบเรือ ที่ว่าการอำเภอเก่า จากการศึกษาเส้นทาง เขาบอกผมอย่างนั้น...
ตอนนี้ผมมาถึงอำเภอเก่าแล้ว ผมโทรหาบังแอน จากที่ผมได้เบอร์โทรศัพท์มาจากการโทรไปสอบถามข้อมูลการเดินทางจากคนบนเกาะบูบู
บังแอน (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ) คือคนขับเรือเจ้าประจำสำหรับการเดินทางไปเกาะบูบู แต่วันนี้บังแอนติดธุระไม่สามารถไปส่งผมที่เกาะบูบูได้ แต่บังแอนได้ติดต่อคนอื่นให้กับผมแทน
บังฮาเสด อดีตผู้ใหญ่บ้านที่นั่น คือคนที่จะนำผมไปยังเกาะบูบูแทน รถมอเตอร์ไซต์สามล้อมู่งหน้ามายังผม พร้อมถามกับผมว่า ไปบูบู ใช่ไหม?
ผมตอบครับบัง : งั้นขึ้นรถเลย บังเขาบอกกับผมพร้อมมุ่งหน้าสู่ท่าเรือและลงเรือสู่เกาะบูบู ระหว่างนั่งเรือผมก็ได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปเกาะบูบูกับบังฮาเสดไปเรื่อยครับ
นั่งเรือมาได้ประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงเกาะบูบูครับ



เรือถึงฝั่ง ก้าวแรกที่ผมสัมผัส ธรรมชาติเขียวขจีมองแล้วสบายตา อยู่ด้านหน้าของผม หันมองย้อนกลับไป น้ำทะเลใสมากๆครับ และบนเกาะผมมองเห็นผู้คนอยู่ 2-3 คน กำลังยืนรออยู่ ผมเก็บสัมภาระพร้อมเดินไปหาเขาเหล่านั้น เพราะผมเองก็ไม่มั่นใจนักว่า ด้านหน้าของผมที่มองเห็นดูเหมือนกับเป็นบ้านหรือร้านอาหาร หรือบ้านหลังนี้มันคืออะไร?
...สวัสดีครับ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งทักทายกับผมพร้อมกับคำถาม ที่โทรมาจองห้องพักไว้ใช่ไหมครับ?
ผมตอบว่า ใช่ครับ พร้อมคิดในใจว่า อืมม..พี่ผู้ชายคนนี้คงเป็นผู้ดูแลเรื่องที่พักและร้านอาหารที่นี่
พี่ผู้ชาย จัดแจงห้องพักให้กับผมพร้อมอธิบายองค์ประกอบแบบกว้างๆของที่นี่ให้ผมฟังไปด้วย จากการที่ผมพูดคุยกับพี่เขา ผมสัมผัสได้ถึงมิตรไมตรีที่หยิบยื่นให้ อย่างเห็นได้ชัด...จากการพูดคุยสนทนาทำให้ผมได้ทราบชื่อของพี่เขา คือ พี่สมเจตน์ และทราบรายละเอียดว่า
เกาะบูบู เป็นเกาะส่วนตัว มีเนื้อที่ประมาณ 39 ไร่เศษ ได้ถูกซื้อมาเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้วจากชนมุสลิม
โห...มีอย่างนี้ด้วยหรือเนี่ย อย่างกับนิยายในหนังสือเลยทีเดียว ผมคิดในใจ
บนเกาะจะมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติได้รอบเกาะ พี่สมเจตน์กล่าว พร้อมบอกว่า ผมได้ที่พักห้องไหน และตบท้ายด้วยว่า ห้องนี้ส่วนใหญ่ นักเขียนและนักแต่งเพลง จะนิยมพักกันเพราะเป็นห้องที่ใกล้ชายทะเลที่สุดก็ว่าได้
ขอบคุณครับผมบอกพี่สมเจตน์ พร้อมเก็บสัมภาระและเดินไปที่ห้องพัก ห้องพักที่นี่ไม่ได้สวยหรู ซึ่งมีอยู่ประมาณสิบกว่าหลัง ห้องพักไม่ใหญ่มากนัก ภายในห้อง มีห้องนอนและแยกเป็นห้องน้ำ ไม่มีแอร์ ไม่มีทีวี มีเพียงแค่ พัดลม ส่วนหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว สบู่ มีให้ครับ สำหรับผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักกับห้องพักที่นี่ เพียงแค่ห้องพักมีความสะอาด แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผมครับ


เที่ยงวันแล้ว รู้สึกหิว ผมเดินไปที่ร้านอาหารเพื่อหาอะไรทาน ก็สั่งอาหารแบบง่ายๆไป และผมได้เจอกับพี่สมเจตน์อีกครั้ง คำถามและการตามหายังคงค้างคากับผมอยู่ ระหว่างรออาหารที่สั่งไป ผมก็สอบถามพี่สมเจตน์
ที่นี่มี นกเงือก จริงไหมครับพี่สมเจตน์?
มีครับ ตอนกลางวันแบบนี้น่าจะอยู่หลังเกาะ พี่สมเจตน์ตอบผม ได้ฟังเท่านั้นแหละครับ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆและดีใจกับคำตอบ อย่างน้อยความหวังของผมก็น่าจะเป็นจริงได้


ผมถามพี่สมเจตน์ต่อไปด้วยความสงสัยว่า เกาะส่วนตัวแบบนี้ ทำไมยังคงเหลือธรรมชาติแบบนี้ไว้ ทั้งที่ความเป็นจริง รายได้จำนวนมหาศาลกอบโกยได้ไม่ยากนัก สำหรับเกาะแห่งนี้
พี่สมเจตน์ ตอบผมว่า ผู้ถือครอง เกาะแห่งนี้ ชอบแบบนี้ อยากให้คงไว้ซึ่งธรรมชาติ หาได้ขวักไขว่ในตัวเงิน ที่พักก็ไม่ต้องการสร้างให้ใหญ่โต ไม่ได้ทำตลาดแต่อย่างได จะมีผู้คนมาพักหรือไม่ ไม่ได้สำคัญ เพียงแค่สิ่งที่ทำและเป็นอยู่นี้ คือระบบในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ให้เกาะแห่งนี้ดำรงอยู่ไว้
พี่สมเจตน์เล่าให้ผมฟังอีกว่า เมื่อก่อน ชาวบ้านแถบนั้นมีการระเบิดปลา บริเวณหน้าเกาะบูบู ซึ่งเป็นการทำร้ายระบบนิเวศธรรมชาติอย่างรุนแรง 
เอาใหม่พี่สมเจตน์บอก...ทั้งๆที่เกาะบูบูก็มีเรือหัวโทงสามารถรับส่งแขกที่มาพักได้ พร้อมชี้นิ้วให้ผมดูซากเรือหัวโทงเก่าๆ ตกลงกับชาวบ้านใหม่ให้ผันเปลี่ยนวิถีจากการระเบิดปลา มาเป็นการอนุรักษ์ และหารายได้จากการท่องเที่ยวแทน โดยชาวบ้านที่มีเรืออยู่แล้วก็สามารถนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะต่างๆได้ หรือแม้กระทั่งนำลูกค้ามาที่เกาะบูบูแห่งนี้
นับว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยกันอย่างเป็นระบบ เป็นทางออกที่ลงตัว น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า เป็นความจริงครับ ผมคิดในใจ


ข้าวและกับข้าวที่ผมสั่งมาแล้วครับ พี่สมเจตน์ทานข้าวครับ ผมชวนพี่เขาทานข้าว พี่เขาบอกกับผมว่า ตามสบายนะ งั้นพี่ขอตัวก่อน สำรับผมขอทานข้าวก่อนนะครับ หิวมากๆครับ (จริงอย่างโฆษณาในทีวี ที่บอกว่า ทุกฉากมีฉากกินข้าว :-) )
ผมทานข้าวเสร็จ นั่งพักครู่หนึ่ง คิดอะไรไปเรื่อยเปี่อย แบบชิวชิว กับแสงแดดและสายลมที่พัดผ่าน ทว่าผมคิดมาถึงตอนหนึ่ง...ว่า จากที่ฟังพี่เจตน์พูดกับผม 
...เกาะส่วนตัวแห่งนี้หาใช่ส่วนตัวจากการใช้ประโยชน์ไม่ หากแต่ส่วนตัวทางความคิดที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้ด้วยเหตุผลเชิงอนุรักษ์มากกว่า และผมเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป
ตอนนี้ผมสังเกตได้ว่า บนเกาะบูบูแห่งนี้ มีผู้คนทั้งหมดไม่ถึง 20 คน หมายรวมถึงผมและนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว เป็นเกาะที่สงบสวยงามท่ามกลางธรรมชาติจริงๆครับ


นั่งพักได้ครู่หนึ่งผมก็เดินออกไปถ่ายภาพ แลเห็นเรือแคนู ผมเดินไปหาพี่สมเจตน์และถามว่า สามารถพายเรือนี้ได้ไหมครับ พี่สมเจตน์บอกผมว่า พายได้ ตามสบาย ถ้าเกิดจะพายเดี๋ยวมาเอาไม้พายที่นี่นะ ผมคิดในใจเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นนะ บูบู2


ผมเดินกลับที่พัก พร้อมหยิบเก้าอี้นอนเล่น ไปวางไว้หน้าห้องพัก และนอนเล่นอยู่พักหนึ่ง มองเห็นเบื้องหน้า เป็นเกาะปอ และเกาะลันตาซึ่งอยู่ด้านหลัง ส่วนอีกด้านรอบๆเกาะ ก็จะมองเห็น เกาะไหง และเกาะแก่งต่างๆ อีกหลายเกาะ รูปร่างแตกต่างกันไป (จากการสอบถามพี่สมเจตน์)
เที่ยงวันพักผ่อน ลมเย็นสบายบวกกับความเงียบสงบ มีเพียงเสียงคลื่น บรรยากาศดีมากๆครับ เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ แต่ผมมีภารกิจ...ครับ


จากคำบอกกล่าวของพี่สมเจตน์ บนเกาะจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทิวทัศน์ ได้รอบเกาะ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลากชนิด โดยเฉพาะนกเงือก ที่ผมกำลังตามหา ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว ไปลุยในป่ากับผมกันเลยนะครับ



ก้าวแรกที่ผมจะเดินทาง ผมเจอกับ "แย้"ครับ ซึ่งเห็นอยู่รายเรียง ทั้งตัวที่โตเต็มวัยแล้วและตัวที่ยังเล็กอยู่ ถ้าตัวโต หน้าตาดูเหมือนจะดุหน่อย ท่าทางการชูคอดูน่าเกรงขาม ถ้าเป็นตัวเล็กก็ไม่เท่าไหร่ครับแฝงไว้ด้วยความน่ารักมากกว่า แต่แท้จริงแล้ว ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่เมื่อเห็นผม ก็รีบลงรูทันทีครับ... หรือว่าผมน่ากลัวกว่าก็ไม่รู้ครับ :-)
...แย้ เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่าประเภทหนึ่ง มีชื่อสามัญว่า Butterfly Lizard หรือ Small-scaled Lizard หรือ Ground Lizard แย้จัดเป็นสัตว์ที่อยู่ในสกุล Leiolepis ในวงศ์ Agamidae พบทั่วทั้งโลกทั้งหมด 9 ชนิด
Leiolepis belliana แบ่งได้ออกเป็นชนิดย่อย 2 ชนิด คือ Leiolepis belliana belliana แย้ธรรมดา หรือ แย้เส้น-พบได้ทั่วไปในประเทศไทยทุกภาค แม้กระทั่งตามเกาะแก่งต่าง ๆ กลางทะเล


ปัจจุบัน สถานะของแย้เมื่อเทียบกับสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆ แล้ว นับว่าใกล้สูญพันธุ์จากถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ แย้สามารถสืบพันธุ์ได้ทุกฤดูกาล กินแมลงต่าง ๆ เป็นอาหาร แย้ไม่สามารถที่จะว่ายน้ำได้
พฤติกรรมแย้ทุกชนิดเป็นสัตว์ที่หากินและอาศัยอยู่ในพื้นดิน ไม่ขึ้นต้นไม้อย่างสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น โดยเฉพาะพื้นดินที่เป็นที่แห้งแล้งลักษณะดินปนทราย ที่อยู่ของแย้เป็นรู ลึกประมาณ 1 ฟุต เป็นโพรงข้างใน สามารถกลับตัวได้ ที่ปากรูจะมีรอยของหางแย้ เป็นรอยยาว ๆ และจะมีรูพิเศษอีกรูหนึ่ง ที่ใช้ป้องกันตัว เมื่อถูกศัตรูรุกรานเข้ารูด้านหนึ่ง แย้สามารถหลบรอดออกไปอีกรูหนึ่งได้อย่างแยบยล โดยรูนี้เรียกในภาษาไทยว่า "แปว"


เดินทางมาได้สักระยะขึ้นเนินบ้าง ลงเนินบ้างนิดหน่อย แต่ที่ผมสังเกตได้อย่างชัดเจนยังคงมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะมาก และตอนนี้ต้นไม้บางต้นก็ออกผล ซึ่งหล่นอยู่ตามพื้นดิน แลเห็นอยู่ค่อนข้างเยอะ ผมเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ้มออกครับ กับการตามหา นกเงือกต้องมากินผลไม้ป่าอย่างแน่นอน ความหวังของผมเพิ่มขึ้นมาอีกก้าว
บางช่วงบางตอนจะมีเส้นทางเดินลงไปยังทะเล ทำให้ผมได้เก็บภาพทะเลไปด้วย อย่างนี้เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้...สองตัว (ไม่อยากยิงนกครับ เพราะผมกำลังตามหา)


ตอนนี้ผมเจอกับเหยี่ยวแดงอยู่ 2-3 ตัว บินวนอยู่กลางทะเล เพื่อรอจับปลาหรืออะไรซักอย่าง? การที่บินวนอยู่นั้นหมายถึงการต้อนหรือเปล่า? ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่ลีลาการบินนั้น ดูเหมือนจะมีทิศทางและเป้าหมาย บางครั้งก็ส่งเสียงร้อง บ่งบอกถึงการเป็นนกนักล่าอย่างชัดเจน


จากที่เดินทางมาและผมคาดว่า น่าจะครึ่งเกาะแล้ว แต่ก็ยังไม่มีแวว แม้แต่เสียง ของนกเงือก ผมเลยเดินลงไปนั่งพักบริเวณโขดหินบ้าง และสังเกตได้ว่าพื้นที่ทะเลส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะโขดหิน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากถ้าเดินบนโขดหินนะครับ เพราะเป็นหินที่ลื่นมากครับ (ผมเองยังได้แผลกลับบ้านเลยครับ)


เดินมาก็ระยะหนึ่งแล้ว ไม่มีวี่แววนกเงือกเลยจริงๆ แต่ผลไม้ป่าที่เห็น พบได้ตลอดเส้นทาง น่าจะเจอนกนะ ผมให้ความหวังกับตัวเอง ผมต้องพยายามค้นหาต่อไป


ป่าบางช่วงบางตอนมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม ทำให้เส้นทางดูมืดครื้มไปเลยครับ ส่วนการเดินรอบเกาะของผมนั้น เดินไปตามเส้นทางหลัก แล้วช่วงไหนมีเส้นทางลงทะเลก็ได้เก็บภาพทะเลอย่างที่เห็นครับ


ตอนนี้เดินทางมา น่าจะเลยครึ่งเกาะแล้ว สิ่งที่พบเจอทำให้ผมตื่นเต้นและดีใจขึ้นมา มันคือขนนกเงือกครับ ความหวังของผมเพิ่มมาอีกก้าวแล้ว ผมเริ่มเข้าใกล้ความจริงแล้ว ตอนนี้ผมมีแรงตามหาขึ้นมาอย่างกระทันหัน...



เดินมาได้สักระยะ ก็เจอกับขนนกเงือกอีก ขนนกเส้นที่สอง คงไม่นานเป็นแน่ ผมคงต้องเจอ รีบเดินทางต่อ ต้นไม้ต้นไหนที่มีโพรงและต้นไม้ต้นไหนที่มีผลหล่นตามพื้นดิน ผมจะนั่งรอสักพัก เพราะคิดว่า น่าจะมีนกเงือก


ตอนนี้ผมเดินวนใกล้จะรอบเกาะแล้ว ส่วนใหญ่จะได้ถ่ายภาพทะเล ยังไม่มีนกเงือกและนกอื่นๆให้เห็นเลย ที่เจออยู่บ่อยๆ ตลอดเส้นทาง ก็คือ แย้ นี่แหละครับ ผมหยุดพักระยะหนึ่ง ผมก็ยินเสียงดังคล้ายการเจาะไม้ เป็นเสียงรัว ผมหยิบกล้องถ่ายภาพขึ้นมา พร้อมพยายามมองไปยังเสียง สักพักก็ดังขึ้นมาอีก ตอนนี้ผมเห็นแล้วครับว่ามันคืออะไร มันคือ นกหัวขวานครับ แต่ผมยังคงแยกชนิดไม่ออก และไม่สามารถจับภาพได้ เพราะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เห็นครับ
ผมนั่งพักบริเวณนั้นอยู่ครู่ใหญ่เพื่อหวังว่า นกหัวขวานจะกลับมาอีก ก็เจอกับนกปรอดสีไพลใหญ่ นกปรอดสวน นกแซงแซว นกกะปูดใหญ่ และเสียงร้องของนกอีกหลายชนิดที่ผมได้ยินแต่ไม่เจอตัว นกที่ผมเจอไม่สามารถถ่ายภาพได้ เพราะผมไม่สามารถนั่งอยู่แบบเงียบๆได้ เนื่องจากมียุงเยอะ ซึ่งผมลืมยากันยุงไว้ที่ห้องพักครับ ดังนั้น ยากันยุงจึงจำเป็นสำหรับการมาเยือนที่นี่ครับ
เส้นทางรอบแรกสิ้นสุดลง ผลคือไม่เจอสิ่งที่ตามหา...แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาเพราะผมได้ภาพรอบเกาะมาแล้วครับ


ผมเดินกลับมาที่ห้องพัก หาน้ำดื่ม และนั่งพักครู่หนึ่ง ไม่เป็นไร...ผมยังคงมีเวลา 
รอบสองกำลังจะดำเนินขึ้น ผมออกจากห้องพักมุ่งหน้าสู่เส้นทางเดิม เดินไปเรื่อยๆ และหยุดพักตรงต้นไม้ใหญ่ที่มีผลหล่นลงมา ผมแหงนหน้ามองและแลเห็น เงาของสัตว์ปีกขนาดค่อนข้างใหญ่บินผ่านไปเหนือต้นไม้ใหญ่ จะใช่นกเงือกหรือเปล่านะ? หรือจะเป็นเหยี่ยวแดง อืมม...ทำอย่างไรดีล่ะนี่ ทำอย่างไรจะได้เจอ ตอนนี้ความหวังของผมลดลง คิดอยู่สักพัก ได้ยินเสียงอะไรตกลงมาข้างหลังผม ซึ่งเกือบจะตกใส่ผม ผมหันกลับไปดู มันคือค้างคาวครับแต่เป็นค้างคาวที่ตายแล้ว เพิ่งตายไปหมาดๆ เหมือนโดนอะไรจิก คงจะเป็นเหยี่ยวแดง ผมสันนิษฐาน เพราะไม่อยากคิดว่าเป็นอย่างอื่น :-)


ผมมุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็ยังคงไม่มีวี่แวว ว่าจะเจอ ได้แต่เห็นเงาแว๊บๆ ไม่รู้นกอะไรบินผ่านไป ไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะบินเหนือต้นไม้ ผลเป็นเหมือนรอบแรกครับ คือไม่เจอ
ผมเดินมาถึงห้องพัก และหาน้ำดื่ม ผ่านไปอีกรอบครับ รอบที่สามกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งครับ ครั้งนี้ตอนออกเดินทาง ผมขอพรจากพระเจ้า จากแรงศรัทธาที่ผมมี ขอให้ผมได้เจอนกเงือกและได้ถ่ายภาพด้วยเถิดครับ ผมอธิษฐานในใจ...พร้อมมุ่งหน้าเดินทางสู่รอบที่สาม


บทสรุปของการตามหา ดีใจจนบอกไม่ถูกครับ เปรียบเหมือนของขวัญแห่งชีวิต ตื่นเต้นมากๆกับสิ่งที่พบเจอ บนต้นไม้ใหญ่ จนแทบยกกล้องมาถ่ายภาพไม่ได้ เพราะรู้สึกมือสั่นเหลือเกิน ช่างเป็นภาพที่งดงามจริงๆครับ
ผมเองได้เจอมุมมองลีลาการกินผลไม้ของเขา เป็นลีลาและท่วงท่าที่สวยงาม จากการใช้ปากเก็บผลไม้แล้วโยนเข้าปาก เป็นภาพที่ดูแล้วสวยงามติดตาจริงๆครับ
เหลือบไปมองอีกด้าน เจอกับนกคู่หนึ่งกำลังจีบกันอยู่ ผมเห็นตัวผู้พยายามจะป้อนผลไม้ให้กับตัวเมีย ผมไม่แน่ใจมากนักว่าจะสำเร็จหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมพบเห็น ช่างเป็นภาพที่น่าจดจำจริงๆครับ เพราะจากตำนานหรือหลักฐาน ที่ผมค้นเจอบอกว่า...
หากตัวเมียรับการป้อนอาหารจากตัวผู้ นั่นหมายถึง รักแท้กำลังเริ่มต้นขึ้นครับ :-) 
ผมถ่ายไปกี่ภาพไม่ทราบครับ แต่รู้ว่าผมถ่ายไปเยอะมาก เพราะนกเองก็อยู่ไม่ค่อยนิ่งเลยครับ แถมชอบอยู่บริเวณที่มีกิ่งก้านต้นไม้บดบัง ผมเองก็ไม่ง่ายเลยที่ต้องหามุม หาแสง แถมต้องต่อสู้กับการตื่นเต้นของตัวเอง...


"นกแก๊ก" อยู่ในวงศ์นกเงือก บางตำราบอกว่า พบได้ไม่ยากนักทั่วประเทศไทย แต่สำหรับความคิดผมแล้ว ในปัจจุบันนี้ไม่ได้พบเจอโดยง่าย หากไม่เสาะหา เสียงร้องที่แหลมดัง "แก๊ก แก๊ก แก๊ก" เป็นที่มาของชื่อเสียงเรียงนาม
ถึงแม้จะเป็นนกที่ตัวค่อนข้างใหญ่ แต่พรางตัวได้สุดยอดมากครับ บางตัวผมได้ยินเสียงร้องอยู่ แต่หาตัวไม่เจอครับ เป็นนกที่ไม่ค่อยเกาะบนต้นไม้นาน จากการที่ผมสังเกตการมากินผลไม้นะครับ เกาะกิ่งนี้ที กระโดดไปกิ่งนั้นที แล้วก็บินไป ขณะบินผมเองได้ยินเสียงกระพือปีกกระทบกับสายลมเลยครับ ผ่านไประยะหนึ่งเขาก็จะกลับมาอีกครับ ผมเองก็ไม่ทราบว่า พฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมปกติหรือเปล่า?
นกแก๊ก ทำรังในโพรงไม้ มีการปิดปากโพรงด้วยมูลหรือดิน ตัวเมียขังตัวเองในโพรงเพื่อกกไข่ บางตำราบอกว่า เมื่อลูกนกเกิดขึ้นมา ตัวเมียก็จะผลัดขน และไม่มีขนเหมือนกับลูกน้อย เพื่อที่จะคอยสอนลูกน้อยในการฝึกบินไปพร้อมๆกัน


แสงแดดอ่อนตัวลงหลังจากที่ผมได้พักเหนื่อยไปบ้าง ตอนนี้ก็มาถึงคิวของ บูบู 2 แล้วครับ ผมนำ บูบู2 ลงทะเลพายเล่นชมทิวทัศน์นิดหน่อย ไม่ไหวครับ ผมล้าเกินไปในตอนกลางวัน ผมเลยต้องพา บูบู 2 กลับมาที่เดิม ระหว่างเอา บูบู 2 ขึ้นฝั่งผมแลเห็น ฝูงปลาเล็กๆมากมายครับ
อาทิตย์อัสดงในวันนี้ของผม เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ภาพทุกภาพที่ผมพบเจอ มันยังคงติดตาอยู่กับผม ผมแทบไม่อยากให้ความมืดคลืบคลานเข้ามา บดบังความสวยงามของธรรมชาติที่นี่เลย...
สักพักมีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น พร้อมๆกับแลเห็นแสงไฟ อ๋อ...มันเป็นเครื่องปั่นไฟครับ ซึ่งจะเริ่มทำงานประมาณ 6 โมงเศษๆ จนถึงประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากนั้นก็ทางใครทางมันครับ ดังนั้นไฟฉายคือสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทางมาเยือนที่นี่เช่นกันครับ
ทะเลไม่เคยหลับไหลเหมือนดั่งวงเวียนชีวิตธรรมชาติบนเกาะบูบู ความมืดเข้ามาเยือน สิ่งมีชีวิตกลางวันกำลังจะหลับไหล สิ่งมีชีวิตกลางคืน หวนกลับมาทดแทน "ค้างคาว" จากคำบอกกล่าวของพี่สมเจตน์ ที่บอกไว้กับผม โดยเฉพาะค้างคาวแม่ไก่ จะออกมาให้เห็นตอนกลางคืน แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับดวงจันทร์ข้างขึ้นข้างแรมนะครับ
ผมอาบน้ำและนอนพักผ่อน ได้ยินเสียงคลื่นอย่างชัดเจน อากาศดีมากๆครับ ทำให้ผมแทบไม่อยากหลับเลย บวกกับการรอคอยค้างคาวแม่ไก่ของผมด้วยครับ สักพักพัดลมในห้องผมดับลง นั่นเป็นสัญญาณว่า เครื่องปั่นไฟหยุดลงแล้ว ผมเดินออกมาหน้าห้องพัก ตอนนี้ทุกอย่างมืดสนิทครับ ได้ยินเพียงแค่เสียงคลื่น เงียบและสงบมากๆครับ
ผมนอนเล่นอยู่หน้าห้อง สักพักก็ได้ยินเสียงร้องของค้างคาวมากมาย ผมก็เอาไฟฉายส่องดู ตามต้นไม้ มันคือค้างคาวแบบเล็กครับ ไม่ใช่ค้างคาวแม่ไก่
เกือบทั้งคืนที่ผมกระทำอยู่แบบนี้ครับ เพราะการมาแต่ละครั้งของค้างคาว เสียงมันค่อนข้างดังครับ ปลุกผมให้ตื่นทุกครั้งไป


เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น ชีวิต ธรรมชาติ บนเกาะบูบู เริ่มขับเคลื่อน ความสัมพันธ์ค่อยๆหมุนเวียนอีกครั้ง
เสียงนกร้องหลากชนิดปลุกผมให้ตื่นขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ใช่ซิผมมาถิ่นเขานี่ครับ :-) ไม่หรอกครับเพราะผมเองก็ตั้งใจจะตื่นเช้าเพื่อเดินทางกลับอยู่แล้วครับ เพราะภารกิจของผมลุล่วงแล้ว (และจากที่ผมแจ้งพี่สมเจตน์ไว้เมื่อวานว่าผมจะกลับตอนเช้า เพื่อที่ให้พี่สมเจตน์ติดต่อเรื่องเรือที่จะมารับ) ผมรีบอาบน้ำเก็บสัมภาระและเดินไปหาพี่สมเจตน์เพื่อจะจ่ายค่าที่พักและค่าอาหาร พร้อมหาคำตอบกับคำว่า "บูบู" 
พี่ครับ คำว่า บูบู ชื่อเกาะแห่งนี้ ความหมายมันคืออะไรครับ??? ผมถามพี่สมเจตน์
พี่สมเจตน์บอกกับผมว่า บูบู เป็นภาษาของชาวเล แปลว่า "ไซดักปลา" สมัยก่อนเวลาถามชาวเลว่าไปไหน ชาวเลจะตอบว่า บูบู หมายถึง ไปทำไซดักปลา ซึ่งหมายถึงบนเกาะแห่งนี้


การจากลา เกาะบูบู มาเยือนผมแล้ว การตามหาของผม สิ้นสุดลง ปริศนาของผมถูกไขอย่างเรียบง่าย ความฝันและความหวังของผมเกิดขึ้น คน...และ...ธรรมชาติ บนเกาะบูบูแห่งนี้ ทุกอย่างลงตัวอย่างสมบูรณ์และสวยงาม
จากแรงศรัทธา...ขอให้ "ไซดักปลา" แห่งนี้ เก็บดักธรรมชาติในรูปแบบนี้ ไว้ให้คงอยู่กับเราตลอดไป ตราบนานเท่านาน...
ขอขอบคุณ พี่สมเจตน์ อรพันธ์เศรษฐ์...และภรรยา สำหรับข้อมูลบนเกาะบูบูและมิตรภาพไมตรี + กับฝีมือมื้ออาหารที่อร่อยมากๆครับ ขอบอก
ขอขอบคุณ ทุกคนบนเกาะรามถึงชาวต่างชาติสำหรับรอยยิ้ม
ขอขอบคุณ บังฮาเสด อดีตผู้ใหญ่บ้านกับการเดินทางไป-กลับ เกาะบูบูของผม
ขอขอบคุณ บังแอน สำหรับข้อมูลการเดินทางไปยังท่าเทียบเรืออำเภอเก่า
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี สำหรับข้อมูลบางช่วงบางตอนของ "แย้"
ขอขอบคุณ ข้อมูล "นกแก๊ก" จากคู่มือดูนก "นกเมืองไทย" หมอบุญส่ง เลขะกุล
ขอขอบคุณ คนหลงทาง จากการได้มาซึ่งข้อมูลจาก Google
ขอขอบคุณ ธรรมชาติและทุกสรรพสิ่งบนเกาะบูบูแห่งนี้
ขอบคุณครับ
พฤษภาคม 2554
รักษ์ ปฏิมินทร์



Comments

Popular posts from this blog

"ฝัน" ที่แปรเปลี่ยนไป

ลูกค้าฝรั่ง (แสนแสบ) คนแรก

บ้าน (ฝรั่ง) เช่าหลังแรก